คิง สตีล ขับเคลื่อนความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าด้วยคำมั่นสัญญาการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

การประกาศในครั้งนี้มีขึ้นก่อนการประชุม COP28 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในขณะที่แบรนด์แผ่ขยายความสำเร็จในด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและการดำเนินงานด้านความยั่งยืน

แบรนด์ให้คำมั่นว่าจะบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลง 1% ทุก ๆ ปี เครื่องฉีดอีลาสโตเมอร์เน็กซ์เซลล์ของคิง สตีล ปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตรองเท้านับตั้งแต่ที่เปิดตัวเมื่อปี 2563 ด้วยการผลิตอีลาสโตเมอร์ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% และความสามารถในการใช้วัสดุรีไซเคิล ศูนย์ ESG ของคิง สตีลเปิดตัวขึ้นเมื่อปี 2565 และมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการและดูแลแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนของแบรนด์และความคิดริเริ่มด้าน ESG

ไถจง, 20 พ.ย. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต

คิง สตีล แมชชีนเนอรี (King Steel Machinery) ผู้นำด้านเครื่องจักรผลิตรองเท้า ขอประกาศต่อสาธารณชนก่อนการประชุม COP28 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประจำปี 2566 ว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero emissions) ภายในปี 2593 ในโอกาสนี้ ทางแบรนด์ยังได้เฉลิมฉลองการบรรลุหมุดหมายล่าสุดหลายประการในการขับเคลื่อนความยั่งยืนตลอดการดำเนินงานของบริษัทและทั่วทั้งศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่าอีลาสโตเมอร์ (elastomer) หรืออีลาสติก โพลีเมอร์ (elastic polymer) แก่อุตสาหกรรมการผลิตรองเท้า

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของคิง สตีล โปรดไปที่เว็บไซต์: https://www.kingsteel.com/csr

การดำเนินงานเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์

ในการมุ่งสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น คิง สตีลซุ่มให้คำมั่นในปี 2565 ว่าจะบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 และเพื่อการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทได้ทุ่มเทที่จะลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลง 1% ทุก ๆ ปี

ในปีนี้ คิง สตีล ยังได้เข้าร่วมกับโครงการริเริ่ม RE 10×10 ซึ่งเป็นความพยายามร่วมกันในหมู่ผู้นำอุตสาหกรรมเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับเกียรติจากรางวัลโกลด์ อวอร์ด (Gold award) ในการแข่งขันประจำปี 2563 ที่จัดโดยรัฐบาลไต้หวัน ซึ่งเป็นการประเมินและจัดอันดับการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของแบรนด์ท้องถิ่น

เน็กซ์เซลล์: "หนึ่งเดียว" ของเศรษฐกิจหมุนเวียนของการผลิตรองเท้า

ในปี 2563 คิง สตีลเปิดตัวเครื่องฉีดอีลาสโตเมอร์ เน็กซ์เซลล์ (NexCell) นวัตกรรมล้ำสมัยที่สามารถสร้างอีลาสโตเมอร์ที่รีไซเคิลได้ 100% พร้อมกับสามารถใช้วัสดุรีไซเคิลมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้

ก่อนจะมีเน็กซ์เซลล์ การรีไซเคิลอีลาสโตเมอร์จำเป็นต้องใช้วิธีการทางเทคโนโลยีขั้นสูงเนื่องจากธรรมชาติที่ซับซ้อนของวัสดุ แต่ด้วยการเปิดตัวโซลูชันเครื่องฉีดอีลาสโตเมอร์เหลววิกฤตยิ่งยวด (Supercritical Fluid-Foamed Elastomer Injection) เครื่องแรกของโลกของเน็กซ์เซลล์ จึงสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าและช่วยให้เกิดกระบวนการการผลิตปลอดขยะ (Zero-waste production)

นอกจากนี้ ความอเนกประสงค์ของเครื่องฉีดอีลาสโตเมอร์เน็กซ์เซลล์ยังแผ่ขยายออกไปเกินกว่าแค่การผลิตรองเท้าอีกด้วย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการใช้งานกับสินค้าอื่น ๆ ที่ทำจากอีลาสโตเมอร์ นอกจากนี้ สารโฟมที่ใช้ในกระบวนการยังมีส่วนช่วยในการดักจับคาร์บอน ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และส่งเสริมความพยายามระดับโลกในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การยอมรับแนวคิดด้าน ESG ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า

หมุดหมายที่สำคัญเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในความมุ่งมั่นของคิง สตีล ในการปลูกฝังหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ตลอดการดำเนินธุรกิจและกระบวนการปลายน้ำ บริษัทโอบรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างเต็มที่ โดยใช้กระบวนการดิจิทัลล้วนแบบไร้กระดาษเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อประยุกต์ใช้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ คิง สตีลได้ก่อตั้งศูนย์ความยั่งยืนขึ้นในปี 2565 ซึ่งเป็นศูนย์ที่อุทิศตนเพื่อขับเคลื่อนความคิดริเริ่มด้าน ESG ของบริษัท โดยศูนย์ดังกล่าวได้ดำเนินกิจกรรมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2566 จนสามารถบรรลุหมุดหมายด้าน ESG ล่าสุดได้หลายรายการ และมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการและการกำกับดูแลแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนทั่วทั้งองค์กร

เกี่ยวกับคิง สตีล

คิง สตีล (King Steel) ก่อตั้งขึ้นในปี 2521 บริษัทพัฒนากระบวนการผลิตอีลาสโตเมอร์และเปิดตัวเครื่องฉีดอีลาสโตเมอร์ "เน็กซ์เซลล์" (NexCell) เครื่องแรกของโลก เพื่ออัดฉีดพลังใหม่ให้กับเศรษฐกิจหมุนเวียนและการจัดการความยั่งยืนทั่วโลก

Source : คิง สตีล ขับเคลื่อนความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าด้วยคำมั่นสัญญาการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

The information provided in this article was created by Cision PR Newswire, our news partner. The author's opinions and the content shared on this page are their own and may not necessarily represent the perspectives of Thailand Business News.