คณะกรรมการฯ มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี โดย 1 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี
เศรษฐกิจไทยกำลังขยายตัวจากภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศ ในขณะเดียวกัน การส่งออกยังคงมีการขยายตัวในระดับที่ต่ำ สินค้าที่ส่งออกมีแรงกดดันจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ด้านอัตราเงินเฟ้อมีมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น และคาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่ศักยภาพและการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน ดังนั้นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม มีกรรมการ 1 ท่าน เสนอให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำลงจากปัจจัยโครงสร้างที่ชัดเจนขึ้น และช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้บ้าง
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 2.6 และ 3.0 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยเศรษฐกิจในปีนี้ได้รับแรงส่งจากอุปสงค์ในประเทศที่สูงกว่าคาดในไตรมาสที่ 1 ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งการเบิกจ่ายภาครัฐที่กลับมาเร่งขึ้นในไตรมาสที่ 2 ขณะที่ภาคการส่งออกในปีนี้จะยังขยายตัวในระดับต่ำ ส่วนหนึ่งสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างและความท้าทายจากความสามารถในการแข่งขันที่ปรับลดลง อีกทั้งสินค้าบางกลุ่มโดยเฉพาะหมวดยานยนต์เผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอลง ทั้งนี้ ต้องติดตามการฟื้นตัวของการส่งออกและภาคการผลิต รวมทั้งแรงกระตุ้นจากนโยบายภาครัฐในช่วงครึ่งหลังของปี
Discover more from ข่าวธุรกิจประเทศไทย
Subscribe to get the latest posts sent to your email.